ส้นเท้าแตก ไม่หายสักที !! หากคุณกำลังมีปัญหานี้อยู่ เรามีคำแนะนำง่ายๆ สำหรับวิธีรักษาส้นเท้าแตก แก้ส้นเท้าแตก ที่ไม่ยุ่งยาก ง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอนและเห็นผล เพื่อให้ส้นเท้าของคุณกลับมาเนียนนุ่มสุขภาพดีอีกครั้ง
ส้นเท้าแตกทำยังไงดี ? ต้องบอกว่าปัญหาส้นเท้าแตกเนี่ยเกิดได้จากหลายสาเหตุ แล้วก็เป็นปัญหาที่เกิดได้กับคนทุกเพศและทุกวัย เวลาที่เรามีปัญหาส้นเท้าแตกก็ทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจ เวลาที่ใส่รองเท้า โดยเฉพาะผู้หญิง และก็สูญเสียความมั่นใจไป ดังนั้นการรักษาส้นเท้าแตก จึงควรได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ เพื่อป้องกันไม่ให้ส้นเท้าแตกมากขึ้น หรือรอยแตกกระจายเป็นวงกว้าง เคล็ดลับวันนี้ก็จะเป็นเคล็ดลับง่ายๆ รวมไปถึงคำแนะนำสำหรับการบำรุงผิวแบบมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการส้นเท้าแตกและช่วยให้สัมผัสส้นเท้าเนียนนุ่มผลได้ชัดในเวลาสั้นๆ
ดูแลส้นเท้าแตกง่ายๆ ด้วยวิธีเหล่านี้
- ก่อนเข้านอนแนะนำให้ทำสปาเท้า ด้วยการใช้น้ำอุ่นผสมครีมอาบน้ำที่มีส่วนผสมช่วยบำรุงผิว เช่น ส่วนผสมจากน้ำมันมะพร้าวและวิตามิน E จะช่วยให้ส้นเท้ามีความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น แล้วแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นขัดเบาเบาๆ ด้วยแปรงขัดเท้าขนนุ่ม จะเป็นการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายบริเวณส้นเท้าให้หลุดออก เวลาขัดไม่ควรขัดส้นเท้าแรงจนเกินไป เพราะจะทำให้รอยแตกบริเวณส้นเท้าเป็นแผลขยายใหญ่ได้ เมื่อขัดแล้วล้างน้ำให้สะอาด ใช้ผ้าขนหนูขนนุ่มซับน้ำออกจนแห้ง จากนั้นทาครีมทาส้นเท้าแตก ROBECA ซึ่งเป็นครีมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและสมุนไพร ช่วยบำรุงและให้ความชุ่มชื้นกับส้นเท้า ลดรอยแตกวิธีนี้ช่วยรักษาส้นเท้าแตก ให้ดีขึ้นใน 3 วัน
- การใส่รองเท้าเวลาอยู่ในบ้านหรือที่ทำงาน ก็เป็นวิธีการดูแลรักษาส้นเท้าแตกได้เป็นอย่างดี หรือจะเลือกใส่ถุงเท้าทุกครั้งก็จะช่วยลดแรงกระแทกของส้นเท้าได้ โดยเฉพาะเวลาออกกำลังกายก็ควรใส่ถุงเท้าที่เป็นผ้าคอตตอน สาเหตุก็เพราะว่าผ้าคอตตอนนั้นจะมีประสิทธิภาพมากในเรื่องของการระบายความอับชื้น และตัวผ้าก็มีเนื้อนุ่ม
- ดื่มน้ำมากๆ ก็เป็นอีกวิธีการรักษาส้นเท้าแตกที่ทำได้ง่ายๆ เพราะปัญหาผิวของคุณไม่ว่าจะเป็นส่วนใดของร่างกาย มักเกิดจากร่างกายขาดความชุ่มชื้น ส้นเท้าก็เช่นกัน เพราะสาเหตุส้นเท้าแตกที่พบบ่อยก็คือขาดความชุ่มชื่น ดังนั้นการดื่มน้ำก็จะช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้น และยังช่วยบรรเทารักษาส้นเท้าแตกได้ด้วยค่ะ
- ใช้เครื่องขัดส้นเท้าไฟฟ้า เพื่อให้ส้นเท้าเรียบเนียน ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่หยาบกร้านให้หลุดออกจากส้นเท้า หลังจากนั้นเพิ่มความชุ่มชื้นลดการอักแสบและการติดเชื้อแบคทีเรีย ด้วย ครีมทาส้นเท้าแต
- สำหรับวิธีสุดท้าย เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลา ง่ายๆ ด้วยการทา ครีมทาส้นเท้าแตก ROBECA ก่อนนอนบริเวณที่มีรอยแตกหรือบริเวณปัญหาส้นเท้าแตกให้ทั่วๆ แล้วสวมถุงเท้าแบบที่มีเนื้อนุ่ม เพียงเท่านี้คุณก็จะไปช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวหนังส้นเท้าที่แตกให้ชื้นและเรียบเนียน ใส่ถุงเท้า ช่วยรักษาเท้าแตก
ส้นเท้าแตกเป็นปัญหาที่สร้างความรำคาญใจที่ไม่ควรมองข้ามหลายๆ คนที่มีปัญหาหรือมีอาการส้นเท้าแตกแล้วไม่ดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ อาจส่งงานในระยะยาวได้ ส้นเท้าแตกเกิดจากภาวะที่ผิวหนังขาดความชุ่มชื้นทำให้ผิวแห้งแตก ในระยะแรกแรกก็จะมีอาการบวมแดงหากปล่อยทิ้งไว้นานๆ ก็จะเริ่มมีรอยแตกให้เห็นและรอยแตกก็จะเป็นร่องลึกและบางคนอาจแตกจนมีเลือดซิบออกมา
ส้นเท้าแตกเกิดจากอะไร
- ส้นเท้าแตกเกิดจากเท้ารับน้ำหนักมากเกินไปมักพบในคนอ้วนหรือคนที่มีน้ำหนักมาก
- ส้นเท้าแตกเกิดจากสภาพอากาศที่แห้งทำให้ผิวหนังบริเวณส้นเท้าขาดความชุ่มชื้นและออกได้ง่ายขึ้น
- ส้นเท้าแตกที่เกิดจากการแช่น้ำเป็นเวลานานทำให้ผิวขาดความสมดุล
- อายุที่มากขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ส้นเท้าแตก
- เกิดจากป่วยเป็นโรคบางชนิด อย่างเช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น
วิธีการรักษาโรคเท้าแตกที่แชร์ในอินเตอร์เน็ตมีอยู่หลายวิธี เราก็สรุปมาให้ดังนี้
- ใช้มะนาวบีบผสมกับน้ำสะอาดแล้วแช่ทิ้งไว้จะช่วยให้ผิวบริเวณส้นเท้าของเราชุ่มชื้นขึ้นได้
- ใช้เปลือกกล้วยมาถูบริเวณส้นเท้าแตกแล้วทิ้งไว้ 15 นาทีจะเริ่มสมานผิวที่มีรอยแตกให้เรียบเนียนขึ้น
- ใช้น้ำส้มสายชูผสมในน้ำอุ่นแล้วแช่ไว้ 20 นาทีจะช่วยรักษาส้นเท้าแตกได้
- เพิ่มความชุ่มชื้นด้วยการทาครีมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวที่หยาบกระด้างให้กลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง
- ใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันงามานวดบริเวณเท้าประมาณ 20 นาที ไม่ต้องล้างออก จะช่วยรักษาส้นเท้าที่แตกแห้งหยาบกระด้างให้ชุ่มชื้นและนุ่มเนียน
- ครั้งที่อาบน้ำให้ขัดส้นเท้าด้วยสบู่และแปลงที่ขนนุ่มและหลังอาบน้ำควรทาโลชั่นบำรุงผิวทุกครั้ง
- ใช้สารส้มนำมาผสมกับน้ำแล้วนำสำลีชุบน้ำมาถูบริเวณรอยแตกที่เท้าจะรักษาอาการเท้าแตกให้ดีขึ้น
- ใช้ยางจากมะละกอสดสดนำมาทาบริเวณรอยแตกที่ส้นเท้าแตกก่อนนอนรอยแตกที่ส้นเท้าจะค่อยๆลดลง
- ใช้ยางจากต้นรักทาบริเวณส้นเท้าแตกทุกวันใช้ต่อเนื่อง 1-2 อาทิตย์จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ร่างกายและเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ผิวบริเวณส้นเท้ามีความชุ่มชื้นมากขึ้น
